4 ธันวาคม 2567

แคลอรี่ใน หมูผัดขิง มีกี่ Kcal

หมูผัดขิง

หมูผัดขิง คืออาหารที่มาจากประเทศไทย ประกอบด้วยเนื้อหมูที่ถูกผัดร่วมกับขิงสดและเครื่องปรุงรสอื่นๆ เช่น ซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม และน้ำตาล ขิงสดช่วยให้มีรสชาติที่แตกต่างและมีคุณค่าทางสมุนไพร เนื่องจากขิงเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณหลากหลาย เช่น ช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ เพิ่มการไหลเวียนโลหิต หมูผัดขิงมีรสชาติที่หลากหลาย ลงตัวระหว่างความหวานเปรี้ยวและเค็ม โดยทุกๆ ความประทับใจถูกนำเสนอผ่านรสชาติของขิงสด จานนี้มักเสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวยหรือข้าวกล้อง เพื่อเพิ่มปริมาณคาร์โบไฮเดรตและเสริมความอิ่มอร่อยให้กับทุกมื้ออาหาร ด้วยความหลากหลายของเนื้อผสมกับความเย็นของขิงทำให้หมูผัดขิงกลายเป็นอาหารยอดนิยม

โดยเฉลี่ยปริมาณ หมูผัดขิง 1 จาน (200 กรัม) ให้พลังงาน

= 350 KCAL

(หรือคิดเป็น 175 Kcal ต่อปริมาณ 100 กรัม)
ใน 1 จานประกอบด้วยไขมัน 20 g.
⋅ พลังงานจากไขมัน = 180 กิโลแคลอรี่
⋅ เฉพาะไขมันคิดเป็น 29% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
หมูผัดขิง

สัดส่วนสารอาหารหลัก

(สัดส่วนของสารอาหารที่ให้พลังงานกับร่างกาย)

แหล่งที่มาของแคลอรี่

(แบ่งสัดส่วนของ Kcal ที่ได้รับจากวัตถุดิบในอาหาร)
เนื้อหมู 30%
น้ำมันพืช 25%
ขิง 15%
ซอสหอยนางรม 10%
ซีอิ๊วขาว 8%
น้ำตาล 7%
เครื่องปรุงรสอื่นๆ 5%
การแบ่งแคลอรี่ในหมูผัดขิงมาจากหลายส่วนประกอบ แหล่งใหญ่ที่สุดคือเนื้อหมูที่ให้พลังงานมากที่สุด รองลงมาคือจากน้ำมันพืชที่ใช้ในการผัดหมู ขิงเป็นตัวที่ให้แคลอรี่ต่อมาซึ่งมีผลต่อรสชาติและคุณค่าทางสมุนไพร ส่วนซอสหอยนางรม และซีอิ๊วขาวเป็นเครื่องปรุงที่สำคัญต่อการเพิ่มรสชาติ

ปริมาณโซเดียมใน หมูผัดขิง

เฉลี่ยใน 1 จาน
600 - 800
(มิลลิกรัม)
จัดอยู่ในกลุ่มอาหารที่โซเดียม ค่อนข้างสูง
หมูผัดขิง 1 จาน (200 กรัม)
มีโซเดียมประมาณ 600-800 มิลลิกรัม
คิดเป็น 25-30% ของปริมาณโซเดียมที่แนะนำต่อวัน
"หมูผัดขิงมีปริมาณโซเดียมค่อนข้างสูงเนื่องจากการใช้ซอสและเครื่องปรุงรสในการผัด ซึ่งช่วยเพิ่มความเข้มข้นและรสชาติให้อาหาร"
องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้บริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม ต่อวัน

วิตามิน/เกลือแร่ที่พบได้ใน หมูผัดขิง

ในหมูผัดขิง 1 จาน มีสารอาหารประเภทวิตามินและเกลือแร่ที่พบบ่อยดังนี้
วิตามิน/เกลือแร่ ปริมาณใน 1 จาน %RDI ต่อวัน ได้รับจาก
วิตามินบี 1 0.7 มิลลิกรัม 50% เนื้อหมู
วิตามินบี6 0.5 มิลลิกรัม 40% ขิง
โพแทสเซียม 250 มิลลิกรัม 10% ขิง
แมงกานีส 1.2 มิลลิกรัม 60% ขิง
ทองแดง 0.3 มิลลิกรัม 30% เนื้อหมู
% RDI ต่อวัน หมายถึง สัดส่วนของสารอาหาร ที่ได้รับจากอาหาร เทียบกับปริมาณที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน

กินหมูผัดขิง 1 จาน ให้พลังงาน 350 แคลอรี่ ต้องเบิร์นแค่ไหน?

เดินเร็ว

ใช้เวลา 1.2 ชั่วโมง

วิ่งจ๊อกกิ้ง

ใช้เวลา 0.6 ชั่วโมง

ว่ายน้ำ

ใช้เวลา 0.7 ชั่วโมง

ปั่นจักรยาน

ใช้เวลา 0.7 ชั่วโมง

ควรเลือกกิจกรรมที่เหมาะสม และเพิ่มความต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน เพื่อให้การเผาผลาญมีประสิทธิภาพมากขึ้น

กินหมูผัดขิงให้ได้พลังงานน้อยที่สุด

สำหรับผู้ที่ต้องการกินเพื่อสุขภาพ ลดน้ำหนัก หรือควบคุมอาหาร
กินที่ร้าน/ซื้อใส่ถุง
  1. เลือกร้านที่ใช้น้ำมันน้อย ลองสำรวจร้านอาหารที่มีคุณภาพการปรุงวัตถุดิบโดยใช้น้ำมันน้อยๆ หรือร้านที่เน้นอาหารสุขภาพ
  2. สั่งให้ต้มแทนการผัด ถ้าร้านสามารถทำได้ ลองขอปรุงเป็นต้นแทนการผัดในน้ำมันเพื่อลดปริมาณไขมัน
  3. ขอเพิ่มผักสด สามารถขอให้เพิ่มผักสดที่ไม่ผ่านการผัดในน้ำมันเข้ามาในจานเพื่อลดพลังงาน
  4. หลีกเลี่ยงน้ำจิ้มซอสเยิ้ม เพราะมันมีน้ำตาลและโซเดียมสูง ซึ่งจะเพิ่มแคลอรี่อีกมาก
  5. แบ่งรับประทาน สั่ง 1 จานแล้วแบ่งกับเพื่อนๆ เพื่อควบคุมปริมาณการบริโภคในแต่ละมื้อ
ทำกินเอง/ปรุงเอง
  1. ใช้เนื้อหมูที่มีไขมันน้อย เช่น เนื้อสันในเพื่อควบคุมปริมาณไขมัน
  2. ลดปริมาณน้ำมันที่ใช้ในการผัด โดยใช้สเปรย์น้ำมันบางๆแทนที่จะเทน้ำมันลงในกระทะโดยตรง
  3. เพิ่มปริมาณผักสด อย่างขิงหรือผักใบเขียวซึ่งเพิ่มปริมาณสารอาหารและความอิ่ม
  4. ใช้ซอสที่มีโซเดียมต่ำ เลือกใช้ซอสที่ให้แคลอรี่น้อยและมีโซเดียมต่ำแทนซอสทั่วไป
  5. ใช้อุปกรณ์ครัวที่ไม่ติดเทฟล่อน เช่น กระทะแบบไม่มีน้ำมัน เพื่อไม่ต้องใช้น้ำมันมากในการทำอาหาร
ข้อควรระวังและอาการแพ้อาหาร: หมูผัดขิงอาจเป็นอาหารที่ไม่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีการแพ้ส่วนประกอบบางชนิดในอาหารนี้ เช่น เนื้อหมูหรือขิงที่เป็นส่วนประกอบหลัก บางคนอาจมีอาการระคายเคืองเมื่อบริโภคขิงเนื่องจากฤทธิ์ร้อน การเช็คข้อมูลส่วนผสมก่อนการรับประทานจะเป็นการช่วยรับประกันความปลอดภัยในการบริโภคอย่างมาก และควรหลีกเลี่ยงการใช้ซอสที่มีสารต้านอนุมูลอิสระหรือสารกันเสียสำหรับผู้ที่แพ้สารเคมีชนิดนี้
รู้หรือไม่? ในการลดแคลอรี่ที่ได้รับจากหมูผัดขิง สามารถทำได้โดยเลือกใช้เนื้อหมูที่มีไขมันน้อยเช่น เนื้อสันในและหลีกเลี่ยงการใช้ปริมาณน้ำมันที่มากเกินไปในการผัด ผักธรรมชาติที่ไม่ผ่านการแปรรูปเช่นผักสดหลากชนิดสามารถเพิ่มเข้ามาเพื่อแทนที่ปริมาณเนื้อหมู นอกจากนี้ในการปรุงซอสให้ใช้น้ำมันน้อยไปจนถึงไม่มีเลยโดยเพิ่มการใช้วัตถุดิบที่ให้รสชาติอื่นเพื่อเพิ่มความอร่อย

ค่าความอิ่ม

(Satiety Index)
75
%
ระดับปานกลาง
กินแล้วอยู่ท้องปานกลาง

ดัชนีน้ำตาล

(Glycemic Index)
45
คะแนน
ระดับค่า GI ปานกลาง
น้ำตาลในเลือดเพิ่มปานกลาง

เส้นใยอาหาร

(Dietary Fiber)
60
คะแนน
มีใยอาหารสูง
ช่วยควบคุมการย่อยได้ดี

ค่าพิวรีน

(Purine Content)
80
mg. ต่อ 100 กรัม
มีพิวรีนปานกลาง
ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ต้องระวัง

เป็นโรคเบาหวาน กินหมูผัดขิงได้ไหม?

ผู้เป็นเบาหวานควรระวังจากส่วนประกอบเช่นซอสและขิงที่อาจมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด ถึงแม้หมูผัดขิงจะไม่ใช่อาหารที่มีดัชนีน้ำตาลสูง แต่ควรเลือกบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมและเก็บรักษาสมดุลทางโภชนาการในมื้ออาหาร

เป็นโรคไต กินหมูผัดขิงได้ไหม?

ควรระวังกับปริมาณโซเดียมที่มีในส่วนผสมของซอสต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเลือกซื้อหรือปรุงอาหารเอง สามารถลดผลกระทบของโซเดียมได้ด้วยการลดปริมาณซอสในการปรุงอาหารและหมั่นตรวจสอบส่วนผสมที่มีโซเดียมสูงในการบริโภค

เป็นโรคหัวใจ กินหมูผัดขิงได้ไหม?

ควรระมัดระวังปริมาณไขมันและโซเดียมจากส่วนผสมเช่นเนื้อหมูและซอสต่างๆ เพราะการบริโภคในปริมาณสูงอาจส่งผลกระทบต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจ ควรคำนึงถึงการบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมเสมอ

เป็นโรคความดันโลหิตสูง กินหมูผัดขิงได้ไหม?

การบริโภคหมูผัดขิงควรระวังปริมาณโซเดียมที่มาจากซอสและเครื่องปรุงอื่นๆในจาน ซึ่งอาจส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ควรเลือกบริโภคในปริมาณที่ไม่เยอะเกินไปและเลือกซอสสูตรโซเดียมต่ำถ้าเป็นไปได้

เป็นโรคเก๊าท์ กินหมูผัดขิงได้ไหม?

หมูผัดขิงโดยทั่วไปไม่เป็นอันตรายต่อผู้ที่มีปัญหากับโรคเก๊าท์ แต่ก็ควรระวังไม่บริโภคในปริมาณที่มากเกินไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการใช้ซอสหรือเครื่องปรุงรสที่มีสารกระตุ้นการสะสมของกรดยูริคมากเกินไป

เป็นโรคกระเพราะ กินหมูผัดขิงได้ไหม?

สำหรับผู้ที่มีปัญหากระเพาะ อาจจะต้องระวังเพราะขิงเป็นสารที่มีฤทธิ์ร้อนที่อาจกระตุ้นการระคายเคืองภายในกระเพาะอาหาร ควรบริโภคในปริมาณน้อยๆและหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องปรุงที่มีกรดและเผ็ดมาก

ข้อมูลอาจมีความแตกต่างกันไป ตามรูปแบบการปรุง และวัตถุดิบในการประกอบอาหาร รวมไปถึงปริมาณเฉลี่ยตามขนาดภาชนะในการจัดเตรียม
Thai RDI: ความต้องการพลังงานสำหรับคนไทย ที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป มีความต้องการพลังงานเฉลี่ยวันละ 2,000 กิโลแคลอรี่
เพศชาย ต้องการพลังงานมากกว่า เพศหญิง เนื่องจากเพศชายมักมีมวลกล้ามเนื้อและขนาดร่างกายที่ใหญ่กว่า ซึ่งทำให้ร่างกายต้องการพลังงานมากกว่า
การเรียกหน่วย แคลอรี่ kcal หรือ cal หรือ กิโลแคลอรี่ เพื่อใช้บอกพลังงานในอาหาร ในบริบทของการใช้จริง ให้นิยามได้ว่าเป็นหน่วยความหมายเท่ากัน