19 ธันวาคม 2565

แคลเซียม (Calcium) แร่ธาตุสำคัญ เสริมสร้างความหนาแน่นของกระดูกและฟัน

สารบัญเนื้อหา

แคลเซียม (Calcium) เป็นแร่ธาตุสำคัญต่อร่างกายที่มีประโยชน์ ช่วยเสริมสร้างความหนาแน่นของกระดูกและฟัน ทำให้อวัยวะในส่วนดังกล่าวมีความแข็งแรง ไม่สึกหรอ หรือผุกร่อน นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ควบคุมการทำงานของอวัยะส่วนอื่นๆ ในร่างกายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของระบบประสาท การเต้นของหัวใจ การแข็งตัวของเลือดเมื่อเกิดบาดแผล การหดตัวของกล้ามเนื้อ และยังมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์หลายชนิด ทำให้เกิดปฏิกิริยาในร่างกายที่เหมาะสม เป็นการป้องกันโรคร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาได้เป็นอย่างดี

ปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน

เนื่องจากแคลเซียม มีความจำเป็นอย่างมากในการบำรุงส่วนต่างๆ ในร่างกายให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ จึงจำเป็นต้องได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายดึงไปใช้งานได้อย่างครบถ้วน โดยปริมาณแคลเซียมที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำในการบริโภคต่อวันนั้นอยู่ที่ 1,000 มิลลิกรัม ซึ่งจากปริมาณที่บริโภคเข้าไปนี้ ร่างกายจะดูดซึมในทางเดินอาหารประมาณ 400-500 มิลลิกรัมต่อวัน ยิ่งถ้าหากร่างกายมีปริมาณวิตามินดีในระดับที่เพียงพอ ก็จะช่วยให้เกิดการดูดซึมแคลเซียมได้มากขึ้นด้วย ทำให้กระดูกและฟัน รวมไปถึงอวัยวะต่างๆ ได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ในปริมาณที่เพียงพอ

ข้อแนะนำในการกินอาหารที่มีแคลเซียม

การกินอาหารที่มีแคลเซียมนั้น ก็มาพร้อมข้อจำกัดในการกินเพื่อความเหมาะสมของสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับ ทั้งนี้ก็เพื่อการดูดซึมที่เหมาะสม

โดยควรกินอาหารที่มีแคลเซียมในปริมาณครั้งละน้อยๆ หรือเฉลี่ยไม่เกิน 500 มิลลิกรัมต่อ 1 มื้ออาหาร หรือสามารถแบ่งเป็นมื้อย่อยๆ หลายมื้อ ซึ่งจะดีกว่าการบริโภคสารอาหารที่มีแคลเซียมครั้งเดียวในปริมาณมากๆ

หากปริมาณแคลเซียมที่กินในอาหารแต่ละมื้อไม่เพียงพอ สามารถกินแคลเซียมในรูปของแคปซูลหรืออาหารเสริมเพิ่มเติมได้ แต่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์ ไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้

10 ประโยชน์ของแคลเซียม

แคลเซียมมีประโยชน์มากมายที่จะช่วยบำรุงสุขภาพทั้งภายนอกและภายในได้อย่างครบถ้วน โดยสามารถแยกเป็นประโยชน์หลักๆ ได้ดังนี้

  1. บำรุงกระดูกให้แข็งแรง ไม่สึกหรอ หรือผุกร่อนง่าย
  2. บำรุงฟันให้แข็งแรง ป้องกันโรคฟันผุได้ผล
  3. ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน ซึ่งเป็นโรคที่มีผู้ป่วยเป็นเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ ปี
  4. รักษาอัตราการเต้นของหัวใจให้อยู่ในระดับปกติ
  5. ช่วยให้นอนหลับได้ง่ายมากขึ้น
  6. ช่วยเร่งอัตราการเผาผลาญธาตุเหล็กในร่างกาย
  7. ช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดระดับคอเลสเตอรอลได้
  8. ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
  9. ควบคุมการทำงานของระบบประสาทให้เป็นไปได้อย่างปกติ
  10. ลดอาการก่อนประจำเดือน และป้องกันความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งเต้านม

อาหารที่มีปริมาณแคลเซียมสูง

แคลเซียมสามารถพบได้ในอาหารหลากหลายประเภท ซึ่งมีปริมาณแคลเซียมที่แตกต่างกันไป โดยอาหารที่มีปริมาณแคลเซียมสูง เหมาะสำหรับการกินในชีวิตประจำวัน มีดังนี้

อาหารแคลเซียมสูง
อาหารแคลเซียมสูง

1. นมและผลิตภัณฑ์จากนม

นับเป็นแหล่งรวมแคลเซียมที่เหมาะสำหรับการบริโภคในแต่ละวัน เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณแคลเซียมในร่างกาย โดยนม 1 กล่องนั้น มีปริมาณแคลเซียมมากถึง 300 มิลลิกรัม หากกินนมพร่องมันเนยวันละ 2 กล่อง ก็จะทำให้มีปริมาณของแคลเซียมที่เพียงพอต่อร่างกาย และสามารถถูกดูดซึมไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ถั่วเหลือง และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วเหลือง

ไม่ว่าจะเป็นถั่วเหลืองหรือเต้าหู้ที่ทำมาจากถั่วเหลือง ล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งอาหารที่มีปริมาณแคลเซียมสูง และร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ดี นอกจากนี้ยังมีปริมาณโปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกายสูงด้วยเช่นกัน จึงเหมาะสำหรับการกินเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายในทุกๆ ส่วน

3. ผักใบเขียว

ผักใบเขียวบางชนิด เช่น คะน้า กวางตุ้ง เป็นผักที่มีปริมาณแคลเซียมสูง และร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มาก แต่ต้องระวังการกินผักใบเขียวบางชนิด เช่น ชะพลู ผักโขม ปวยเล้ง ผักเหล่านี้แม้จะมีปริมาณแคลเซียมสูง แต่ร่างกายยากที่จะนำไปใช้ในแต่ละวัน เพราะมีปริมาณออกซาเลตสูงกว่า ดังนั้นควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น

4. เนื้อปลา ปลาซาร์ดีน กระป๋อง

หรือเนื้อสัตว์เล็กๆ เช่น กุ้งฝอย กุ้งแห้ง อาหารจำพวกนี้ถือเป็นอีกแหล่งที่มีปริมาณแคลเซียมสูงมากเช่นกัน แต่ก็ต้องกินในปริมาณที่พอเพียงเพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้อย่างเหมาะสม

หลักการเลือกแคลเซียมที่เป็นอาหารเสริม

หากคุณจำเป็นต้องการกินแคลเซียมที่อยู่ในรูปแบบอาหารเสริม ควรคำนึงถึงปัจจัยดังนี้

1. สังเกตส่วนผสมให้ถี่ถ้วน

หากมีส่วนผสมของวิตามินซีหรือวิตามินดีมากเกินไป อาจจะทำให้เกิดอันตรายหลังจากกินได้

2. สังเกตปริมาณแคลเซียมที่ได้รับ

ปริมาณแคลเซียมที่กินเพิ่มเข้าไปนั้น เมื่อรวมกับแคลเซียมเดิมที่มีในร่างกาย ไม่ควรเกิน 800 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่ร่างกายควรได้รับใน 1 วัน

3. สังเกตรูปแบบของอาหารเสริม

หากเป็นอาหารเสริมประเภทละลายน้ำ ร่างกายจะดูดซึมได้ยาก ควรกินแบบเม็ดหรือเม็ดฟู่ ร่างกายจะดูดซึมได้ดีกว่า

แคลเซียมแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายควรได้รับในปริมาณที่พอเพียง เพื่อเป็นตัวช่วยในการบำรุงกระดูกและฟัน รวมไปถึงบำรุงร่างกาย ตลอดจนอวัยวะต่างๆ ทั้งระบบประสาท, ระบบหัวใจ, หลอดเลือดและอื่นๆ อย่างไรก็ตาม หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการกินแคลเซียมทั้งในมื้ออาหารทั่วไป หรืออาหารเสริม ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสม

บทความแนะนำ