14 ธันวาคม 2565

แมกนีเซียม (Magnesium) แร่ธาตุจำเป็น เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยรักษาสมดุลของร่างกาย

สารบัญเนื้อหา

แมกนีเซียม (Magnesium) คือแร่ธาตุที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย เพราะมีบทบาทสำคัญในกระบวนการทำงานของร่างกายหลายประการ โดยเฉพาะระบบกล้ามเนื้อ ระบบประสาท กระเพาะอาหารและลำไส้ ซึ่งภายในร่างกายมนุษย์จะมีแมกนีเซียมอยู่ประมาณ 20-25 กรัม โดยแบ่งเป็นในโครงสร้างกระดูก 70% และอีก 30% ที่เหลือพบอยู่ในบริเวณเนื้อเยื่อต่างๆ หรือในระบบไหลเวียนเลือด

โดยปกติแล้ว ร่างกายจะได้รับแมกนีเซียม จากการรับประทานอาหาร แต่เนื่องจากในอาหารทั่วไปนั้นมีปริมาณแมกนีเซียมค่อนข้างน้อย ทำให้หลายคนที่อยู่ในภาวะขาดแมกนีเซียม จำเป็นต้องเลือกรับประทานจากแหล่งที่ให้แมกนีเซียมโดยตรง เช่น อาหารทะเลจำพวกปลาและหอย ถั่วอัลมอนด์ เมล็ดธัญพืญ ผักสีเขียวเข้ม กล้วย และมะเดื่อฝรั่ง เป็นต้น จึงจะทำให้ร่างกายมีปริมาณแมกนีเซียมอย่างเพียงพอ

ปริมาณแมกนีเซียมที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับใน 1 วัน

  • ผู้ชายอายุน้อยกว่า 30 ปี ควรได้รับ 400 มิลลิกรัม
  • ผู้หญิงอายุน้อยกว่า 30 ปี ควรได้รับ 310 มิลลิกรัม
  • ผู้ชายอายุมากกว่า 30 ปี ควรได้รับ 420 มิลลิกรัม
  • ผู้หญิงอายุมากกว่า 30 ปี ควรได้รับ 320 มิลลิกรัม

หากร่างกายขาดแมกนีเซียม จะมีผลเสียอะไรบ้าง

ร่างกายหากขาดแมกนีเซียมในปริมาณที่เพียงพอก็จะทำให้ประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันลดลง ระบบกล้ามเนื้อและระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ อีกทั้งยังทำให้ระบบประสาทบางส่วนถูกทำลาย มวลกระดูกมีความเปราะบางและอ่อนลงจนไม่สามารถรับน้ำหนักได้ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้ยาขับปัสสาวะ ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปริมาณแมกนีเซียมน้อยลง อีกทั้งคนผิวแพ้ง่าย ก็มักจะมีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายขาดแมกนีเซียม ทำให้การแบ่งเซลล์ทำงานได้อย่างไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้เกราะป้องกันผิวแย่ลงไปตามด้วย

เมล็ดฟักทอง มีแมกนีเซียมสูง
เมล็ดฟักทอง มีแมกนีเซียมสูง

ประโยชน์ของแมกนีเซียม

ประโยชน์ของแมกนีเซียมที่ร่างกายได้รับ มีดังต่อไปนี้

  • ช่วยควบคุมสมดุลของแคลเซียมในกระดูกและเลือด
  • ป้องกันไม่ให้แคลเซียมเกาะตามเนื้อเยื่ออวัยวะต่างๆ มากเกินไป
  • ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับหลอดเลือดและหัวใจ ป้องกันหัวใจวายเฉียบพลัน
  • ลดความดันโลหิตและป้องกันการเกิดลิ่มเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง
  • กระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญภายในร่างกาย
  • ช่วยลดความรุนแรงอาการเจ็บของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
  • ช่วยป้องกันการสะสมแคลเซียมภายในร่างกาย ป้องกันโรคนิ่วในไต และโรคนิ่วในถุงน้ำดี
  • ลดอาการซึมเศร้า บรรเทาอาการปวดไมเกรน
  • ช่วยป้องกันกล้ามเนื้อหดเกร็งบริเวณต่างๆ
  • บำรุงสุขภาพฟันให้แข็งแรง
  • บรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย
  • ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลและไขมันไม่ดีภายในร่างกาย
  • ป้องกันการคลอดก่อนกำหนดในคุณแม่ตั้งครรภ์
  • ช่วยในการผลิตฮอร์โมนสำคัญต่อร่างกายหลายชนิด
  • กระตุ้นการทำงานของวิตามินบี ซี และอี
  • ช่วยควบคุมอุณหภูมิร่างกายและคลายความหนาว เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศหนาวเย็น

อาหารชนิดใดบ้างที่มีปริมาณแมกนีเซียมสูง

อาหารที่สามารถพบแมกนีเซียมได้ในปริมาณสูง มีดังต่อไปนี้

1. เมล็ดฟักทอง

เมล็ดฟักทองจัดเป็นอาหารชั้นเลิศสำหรับผู้ที่ขาดแมกนีเซียม เพราะมีปริมาณแมกนีเซียมค่อนข้างสูง ซึ่งสูงกว่าเนื้อฟักทองที่บริโภคโดยทั่วไป โดยในเมล็ดฟักทองครึ่งถ้วย ปริมาณ 59 กรัม มีแมกนีเซียมมากถึง 325 มิลลิกรัม

2. ผักโขม

ผักโขมหรือผักใบเขียวเข้ม มักจะมีปริมาณแมกนีเซียมสูงมากกว่าผักชนิดอื่นๆ โดยผักโขมต้มสุก 1 ถ้วยตวงในปริมาณ 180 กรัม จะมีธาตุแมกนีเซียมอยู่ประมาณ 157 มิลลิกรัม

3. ถั่วเหลือง

ถั่วเหลืองหรืออาหารตระกูลถั่ว จัดเป็นหนึ่งในอาหารที่มีปริมาณแมกนีเซียมสูง โดยผู้บริโภคจะได้รับแมกนีเซียมมากถึง 148 มิลลิกรัม จากการรับประทานถั่วเหลือต้มสุก 1 ถ้วยปริมาณ 172 กรัม

4. ควินัว

อีกหนึ่งอาหารเพื่อสุขภาพที่นอกจากจะมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายในปริมาณมากแล้ว ก็ยังเป็นแหล่งชั้นดีของแมกนีเซียมอีกด้วย โดยควินัวหุงสุก 1 ถ้วยปริมาณ 195 กรัม มีธาตุแมกนีเซียมอยู่ประมาณ 118 มิลลิกรัม

5. ดาร์กช็อกโกแลต

ใครจะไปคิดว่าอาหารทานเล่นอย่างดาร์กช็อกโกแลตก็จะมีปริมาณแมกนีเซียมสูงด้วยเช่นกัน โดยดาร์กช็อกโกแลต 1 ชิ้นสี่เหลี่ยมปริมาณ 29 กรัม มีแมกนีเซียมมากถึง 95 มิลลิกรัม

6. ปลาทู

อาหารที่สามารถหารับประทานได้ทั่วไป และมีราคาถูก แต่มีแมกนีเซียมในระดับที่เพียงพอต่อร่างกายมากทีเดียว โดยในปลาทู 85 กรัม มีแมกนีเซียมอยู่ราวๆ 82 มิลลิกรัม

แมกนีเซียมถือเป็นแร่ธาตุที่มีประโยชน์สำหรับคนที่กำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนักหรือควบคุมอาหาร เพราะมีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมันและเปลี่ยนเป็นพลังงาน ดังนั้นเพื่อสุขภาพที่ดีควรเลือกรับประทานอาหารที่มีแมกนีเซียมในปริมาณทีเพียงพอ นอกจากจะดีต่อการลดความอ้วนแล้ว ยังส่งผลดีต่อร่างกายในด้านอื่นๆ ด้วย

บทความแนะนำ