4 ธันวาคม 2567

แคลอรี่ใน ขนมจีบหมู มีกี่ Kcal

ขนมจีบหมู

ขนมจีบหมู คืออาหารประเภทติ่มซำที่มีต้นกำเนิดจากประเทศจีน ประกอบด้วยหมูสับและเครื่องปรุงต่างๆ ห่อด้วยแผ่นเกี๊ยวแผ่นบางแล้วนำไปนึ่ง เพื่อให้สุกและมีรสชาติอร่อย ขนมจีบหมูมักเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มและเครื่องเคียง เช่น พริกน้ำส้ม หรือน้ำจิ้มซีอิ๊วใส ขนมจีบหมูได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศไทย และสามารถรับประทานได้ทั้งในมื้อเช้า กลางวัน และเย็น วัตถุดิบที่ใช้ในขนมจีบหมูประกอบด้วยหมูสับ แผ่นเกี๊ยว กระเทียม รากผักชี พริกไทย ซีอิ๊วขาว และน้ำมันงา เพื่อเพิ่มรสชาติและความหอม นอกจากนี้ยังสามารถเติมไข่ไก่ แครอท หรือต้นหอม เพื่อเพิ่มสีสันและคุณค่าทางโภชนาการ ขนมจีบหมูเป็นอาหารที่มีแคลอรี่สูง เนื่องจากมีเนื้อหมูและไขมันเป็นส่วนประกอบหลัก จึงควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ

โดยเฉลี่ยปริมาณ ขนมจีบหมู 1 ไม้ (20 กรัม) ให้พลังงาน

= 150 KCAL

(หรือคิดเป็น 750 Kcal ต่อปริมาณ 100 กรัม)
ใน 1 ไม้ประกอบด้วยไขมัน 8 g.
⋅ พลังงานจากไขมัน = 72 กิโลแคลอรี่
⋅ เฉพาะไขมันคิดเป็น 11% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
ขนมจีบหมู

สัดส่วนสารอาหารหลัก

(สัดส่วนของสารอาหารที่ให้พลังงานกับร่างกาย)

แหล่งที่มาของแคลอรี่

(แบ่งสัดส่วนของ Kcal ที่ได้รับจากวัตถุดิบในอาหาร)
หมูสับ 40%
แผ่นเกี๊ยว 35%
น้ำมันงา 15%
ซีอิ๊วขาว 5%
เครื่องปรุงรส 3%
รากผักชี 2%
แคลอรี่ในขนมจีบหมูส่วนใหญ่มาจากหมูสับ ซึ่งถือเป็นแหล่งโปรตีนและไขมันหลัก โดยมีหมูสับคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของแคลอรี่ทั้งหมด รองลงมาคือแผ่นเกี๊ยว ซึ่งเป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรต คิดเป็น 35% น้ำมันงามีสัดส่วน 15% ซึ่งให้กลิ่นและรสชาติที่หอมอร่อย ซีอิ๊วขาวและเครื่องปรุงรสอื่นๆ มีสัดส่วนรวมกันอยู่ที่ประมาณ 8% สุดท้ายคือรากผักชีที่มีส่วนทำให้เกิดกลิ่นหอมในขนมจีบแต่มีแคลอรี่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ปริมาณโซเดียมใน ขนมจีบหมู

เฉลี่ยใน 1 ไม้
150 - 250
(มิลลิกรัม)
จัดอยู่ในกลุ่มอาหารที่โซเดียม ปานกลาง
ขนมจีบหมู 1 ไม้ (20 กรัม)
มีโซเดียมประมาณ 150-250 มิลลิกรัม
คิดเป็น 8-12% ของปริมาณโซเดียมที่แนะนำต่อวัน
"ขนมจีบหมูมีปริมาณโซเดียมในระดับกลาง เนื่องจากใช้ซีอิ๊วขาวและเครื่องปรุงที่มีเกลือเป็นส่วนประกอบ แม้จะไม่มากเกินไป แต่ก็ควรระวังในการบริโภค โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการควบคุมปริมาณโซเดียมในอาหาร"
องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้บริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม ต่อวัน

วิตามิน/เกลือแร่ที่พบได้ใน ขนมจีบหมู

ในขนมจีบหมู 1 ไม้ มีสารอาหารประเภทวิตามินและเกลือแร่ที่พบบ่อยดังนี้
วิตามิน/เกลือแร่ ปริมาณใน 1 จาน %RDI ต่อวัน ได้รับจาก
วิตามินบี 1 0.1 มิลลิกรัม 7% หมูสับ
เหล็ก 0.5 มิลลิกรัม 6% หมูสับ
ฟอสฟอรัส 30.0 มิลลิกรัม 4% หมูสับ
วิตามินบี3 0.5 มิลลิกรัม 3% หมูสับ
ซีลีเนียม 2.0 ไมโครกรัม 3% หมูสับ
% RDI ต่อวัน หมายถึง สัดส่วนของสารอาหาร ที่ได้รับจากอาหาร เทียบกับปริมาณที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน

กินขนมจีบหมู 1 ไม้ ให้พลังงาน 150 แคลอรี่ ต้องเบิร์นแค่ไหน?

เดินเร็ว

ใช้เวลา 0.5 ชั่วโมง

วิ่งจ๊อกกิ้ง

ใช้เวลา 0.3 ชั่วโมง

ว่ายน้ำ

ใช้เวลา 0.3 ชั่วโมง

ปั่นจักรยาน

ใช้เวลา 0.3 ชั่วโมง

ควรเลือกกิจกรรมที่เหมาะสม และเพิ่มความต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน เพื่อให้การเผาผลาญมีประสิทธิภาพมากขึ้น

กินขนมจีบหมูให้ได้พลังงานน้อยที่สุด

สำหรับผู้ที่ต้องการกินเพื่อสุขภาพ ลดน้ำหนัก หรือควบคุมอาหาร
กินที่ร้าน/ซื้อใส่ถุง
  1. เลือกใช้ซอสน้ำจิ้มจากแหล่งที่มีคุณภาพ: หลีกเลี่ยงน้ำจิ้มที่มีน้ำตาลและโซเดียมสูง เลือกใช้น้ำจิ้มที่มีแคลอรี่น้อย เพื่อควบคุมปริมาณแคลอรี่
  2. เลี่ยงการใส่พริกน้ำส้มและน้ำซีอิ๊วเพิ่ม: การใส่น้ำจิ้มเพิ่มถือว่าเป็นการเพิ่มแคลอรี่อย่างไม่จำเป็น
  3. สั่งขนมจีบหมูที่มีการใช้เนื้อหมูไม่มัน: เพื่อให้ได้ขนมจีบที่มีเนื้อหมูที่มีแคลอรี่ต่ำ
  4. ขอไม่ให้โรยกระเทียมเจียวน้ำมัน: เพื่อหลีกเลี่ยงแคลอรี่จากน้ำมันที่อาจใส่เป็นพิเศษในการเจียวกระเทียม
  5. เพิ่มผักสดควบคู่กับการรับประทาน: เพื่อเพิ่มใยอาหารและทำให้อิ่มเร็วขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มจำนวนขนมจีบที่บริโภค
ทำกินเอง/ปรุงเอง
  1. ใช้เนื้อหมูบดที่มีไขมันต่ำ: เป็นการลดแคลอรี่จากไขมันในเนื้อหมูเป็นอันดับแรก
  2. เพิ่มผักในส่วนผสม: เช่น แครอท หรือต้นหอม เพื่อเพิ่มใยอาหารและลดแคลอรี่
  3. หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันเจียว: ลดการเติมน้ำมันที่ไม่จำเป็นในสูตร
  4. นึ่งแทนการทอด: ใช้วิธีการนึ่งแล้วไม่ต้องใช้น้ำมัน ทำให้ได้แคลอรี่ที่น้อยกว่าการทอด
  5. ใช้เครื่องปรุงที่มีความเค็มต่ำ: เพื่อลดปริมาณโซเดียมและน้ำตาลที่อาจจำเป็นในสูตร
ข้อควรระวังและอาการแพ้อาหาร: ขนมจีบหมูมีส่วนประกอบของเนื้อหมูซึ่งเป็นโปรตีนประเภทหนึ่ง อาจทำให้ผู้ที่แพ้เนื้อหมูหรือโปรตีนจากสัตว์มีปฏิกิริยาแพ้ เช่น ผื่นคัน หายใจลำบาก หรือปวดท้องได้ นอกจากนี้ยังอาจใช้วัตถุดิบอื่นๆ ที่มีส่วนประกอบที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ เช่น แป้งสาลี เห็ด หรือซีอิ๊ว การเลือกขนมจีบหมูที่ไม่มีส่วนผสมของสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ หรือการเตรียมโดยรับผิดชอบต่อส่วนผสมสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้
รู้หรือไม่? เพื่อให้ขนมจีบหมูมีแคลอรี่ที่ลดลง สามารถทำได้โดยการลดปริมาณหมูสับที่ใช้ในขนมจีบลง และเพิ่มปริมาณผักต่างๆ เช่น แครอทหรือบรอกโคลีลงไปในส่วนผสม เพื่อเสริมคุณค่าทางโภชนาการและลดปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับ

ค่าความอิ่ม

(Satiety Index)
65
%
ระดับปานกลาง
กินแล้วอยู่ท้องปานกลาง

ดัชนีน้ำตาล

(Glycemic Index)
45
คะแนน
ระดับค่า GI ต่ำ
น้ำตาลในเลือดเพิ่มช้าคงที่

เส้นใยอาหาร

(Dietary Fiber)
20
คะแนน
มีใยอาหารต่ำ
หรือมีใยอาหารเล็กน้อย

ค่าพิวรีน

(Purine Content)
150
mg. ต่อ 100 กรัม
มีพิวรีนปานกลาง
ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ต้องระวัง

เป็นโรคเบาหวาน กินขนมจีบหมูได้ไหม?

ขนมจีบหมูมีคาร์โบไฮเดรตจากแผ่นเกี๊ยวและน้ำจิ้มที่ใช้ ซึ่งอาจมีน้ำตาลซ่อนอยู่ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานสามารถรับประทานได้แต่ควรระวังปริมาณน้ำตาลและพลังงานที่ได้รับ หากเลือกน้ำจิ้มที่มีน้ำตาลต่ำหรือไม่หวานจนเกินไปสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้

เป็นโรคไต กินขนมจีบหมูได้ไหม?

ขนมจีบหมูมีโซเดียมที่พอประมาณซึ่งอาจมีผลต่อระดับของโซเดียมในร่างกาย ควรระวังการบริโภคในปริมาณสูงเกินไป หากผู้ที่เป็นโรคไตต้องการรับประทาน ควรเลือกวัตถุดิบที่มีโซเดียมต่ำและลดการเติมซอสน้ำเกรวี่หรือซีอิ๊วเพื่อลดปริมาณโซเดียมในอาหาร

เป็นโรคหัวใจ กินขนมจีบหมูได้ไหม?

ขนมจีบหมูมีไขมันและโซเดียมที่อาจส่งผลต่อการควบคุมระดับไขมันในเลือดและความดันโลหิต ผู้ที่เป็นโรคหัวใจควรระวังการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงและบริโภคในปริมาณจำกัด หลีกเลี่ยงการทานคู่กับน้ำจิ้มที่มีเกลือสูงและเพิ่มผักเพื่อสุขภาพที่ดี

เป็นโรคความดันโลหิตสูง กินขนมจีบหมูได้ไหม?

ขนมจีบหมูมีปริมาณโซเดียมที่อาจส่งผลกระทบต่อการควบคุมความดันโลหิต ผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูงควรรับประทานในปริมาณน้อย และเลือกใช้ซอสหรือน้ำจิ้มที่มีปริมาณโซเดียมต่ำเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเพิ่มความดันในเลือด

เป็นโรคเก๊าท์ กินขนมจีบหมูได้ไหม?

ขนมจีบหมูมีพิวรีนในปริมาณปานกลางจากเนื้อหมู ผู้ที่เป็นโรคเก๊าท์ควรรับประทานด้วยความระมัดระวังและในปริมาณที่จำกัดเพื่อลดความเสี่ยงในการกระตุ้นอาการเก๊าของรูมาติก อีกทั้งควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อลดความเข้มข้นของกรดยูริคในร่างกาย

เป็นโรคกระเพราะ กินขนมจีบหมูได้ไหม?

ผู้ที่มีปัญหาโรคกระเพาะสามารถกินขนมจีบหมูได้ เนื่องจากไม่มีสารที่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองในกระเพาะ แต่ควรควบคุมปริมาณการรับประทานและหลีกเลี่ยงซอสที่มีรสเผ็ดหรือเปรี้ยวจัด เพื่อป้องกันการเกิดอาการกระเพาะลำไส้แปรปรวน

ข้อมูลอาจมีความแตกต่างกันไป ตามรูปแบบการปรุง และวัตถุดิบในการประกอบอาหาร รวมไปถึงปริมาณเฉลี่ยตามขนาดภาชนะในการจัดเตรียม
Thai RDI: ความต้องการพลังงานสำหรับคนไทย ที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป มีความต้องการพลังงานเฉลี่ยวันละ 2,000 กิโลแคลอรี่
เพศชาย ต้องการพลังงานมากกว่า เพศหญิง เนื่องจากเพศชายมักมีมวลกล้ามเนื้อและขนาดร่างกายที่ใหญ่กว่า ซึ่งทำให้ร่างกายต้องการพลังงานมากกว่า
การเรียกหน่วย แคลอรี่ kcal หรือ cal หรือ กิโลแคลอรี่ เพื่อใช้บอกพลังงานในอาหาร ในบริบทของการใช้จริง ให้นิยามได้ว่าเป็นหน่วยความหมายเท่ากัน