2 ธันวาคม 2567

แคลอรี่ใน ยำข้าวโพด มีกี่ Kcal

ยำข้าวโพด

ยำข้าวโพด คืออาหารที่ประกอบด้วยข้าวโพดบดหรือข้าวโพดต้ม, ผักสดต่างๆ เช่น มะเขือเทศ, ถั่วลิสง และเครื่องปรุงรส เช่น น้ำตาล น้ำปลา น้ำมะนาว โดยที่ยำข้าวโพดนั้นเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมเนื่องจากมีรสชาติเปรี้ยวหวานและเผ็ดอ่อนๆ ซึ่งเรียกน้ำย่อยได้ดี นอกจากนี้ยังเป็นอาหารที่สามารถทำได้ง่าย และประยุกต์ใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ในครัวเรือนได้ ทั้งนี้ ยำข้าวโพดมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เนื่องจากข้าวโพดเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ดี และประกอบด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น วิตามินซี เบตาแคโรทีน อย่างไรก็ตาม เครื่องปรุงรสที่ใช้ก็มีโซเดียมและน้ำตาลปริมาณหนึ่ง จึงแนะนำให้บริโภคในปริมาณที่เหมาะสม นอกจากนี้ยำข้าวโพดยังสามารถปรับเปลี่ยนสูตรได้ตามความชอบ เช่น การเพิ่มโปรตีนจากไข่แดงหรือปลาทูน่า เพิ่มความหลากหลายให้มื้ออาหารในชีวิตประจำวันได้

โดยเฉลี่ยปริมาณ ยำข้าวโพด 1 จาน (200 กรัม) ให้พลังงาน

= 220 KCAL

(หรือคิดเป็น 110 Kcal ต่อปริมาณ 100 กรัม)
ใน 1 จานประกอบด้วยไขมัน 10 g.
⋅ พลังงานจากไขมัน = 90 กิโลแคลอรี่
⋅ เฉพาะไขมันคิดเป็น 14% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
ยำข้าวโพด

สัดส่วนสารอาหารหลัก

(สัดส่วนของสารอาหารที่ให้พลังงานกับร่างกาย)

แหล่งที่มาของแคลอรี่

(แบ่งสัดส่วนของ Kcal ที่ได้รับจากวัตถุดิบในอาหาร)
ข้าวโพด 40%
ถั่วลิสง 25%
น้ำยำ 20%
มะเขือเทศ 10%
ผักสดต่างๆ 5%
แคลอรี่ในยำข้าวโพดมาจากข้าวโพดเป็นหลัก ซึ่งให้พลังงานสูงสุด เป็นแหล่งสำคัญของคาร์โบไฮเดรต ตามด้วยถั่วลิสงที่ให้ไขมันและโปรตีนในปริมาณปานกลาง และน้ำยำที่ประกอบด้วยน้ำตาลและน้ำมันในปริมาณที่เหมาะสม โดยที่มะเขือเทศและผักสดเป็นส่วนเสริมที่เพิ่มไฟเบอร์และวิตามิน

ปริมาณโซเดียมใน ยำข้าวโพด

เฉลี่ยใน 1 จาน
200 - 300
(มิลลิกรัม)
จัดอยู่ในกลุ่มอาหารที่โซเดียม ปานกลาง
ยำข้าวโพด 1 จาน (200 กรัม)
มีโซเดียมประมาณ 200-300 มิลลิกรัม
คิดเป็น 10-15% ของปริมาณโซเดียมที่แนะนำต่อวัน
"ยำข้าวโพดมีโซเดียมในระดับกลาง เนื่องจากมีการใช้เครื่องปรุงที่มีโซเดียมสูง เช่น น้ำปลาในน้ำยำ ซึ่งทำให้ต้องระมัดระวังในการบริโภคของผู้ที่มีข้อจำกัดด้านโซเดียม"
องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้บริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม ต่อวัน

วิตามิน/เกลือแร่ที่พบได้ใน ยำข้าวโพด

ในยำข้าวโพด 1 จาน มีสารอาหารประเภทวิตามินและเกลือแร่ที่พบบ่อยดังนี้
วิตามิน/เกลือแร่ ปริมาณใน 1 จาน %RDI ต่อวัน ได้รับจาก
วิตามินซี 30.5 มิลลิกรัม 50% มะเขือเทศ
เบตาแคโรทีน 1200.0 ไมโครกรัม 30% ข้าวโพด
โพแทสเซียม 250.0 มิลลิกรัม 15% มะเขือเทศ
เส้นใยอาหาร 2.5 กรัม 10% ผักสด
โฟเลต 45.0 ไมโครกรัม 10% ข้าวโพด
% RDI ต่อวัน หมายถึง สัดส่วนของสารอาหาร ที่ได้รับจากอาหาร เทียบกับปริมาณที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน

กินยำข้าวโพด 1 จาน ให้พลังงาน 220 แคลอรี่ ต้องเบิร์นแค่ไหน?

เดินเร็ว

ใช้เวลา 0.7 ชั่วโมง

วิ่งจ๊อกกิ้ง

ใช้เวลา 0.4 ชั่วโมง

ว่ายน้ำ

ใช้เวลา 0.4 ชั่วโมง

ปั่นจักรยาน

ใช้เวลา 0.4 ชั่วโมง

ควรเลือกกิจกรรมที่เหมาะสม และเพิ่มความต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน เพื่อให้การเผาผลาญมีประสิทธิภาพมากขึ้น

กินยำข้าวโพดให้ได้พลังงานน้อยที่สุด

สำหรับผู้ที่ต้องการกินเพื่อสุขภาพ ลดน้ำหนัก หรือควบคุมอาหาร
กินที่ร้าน/ซื้อใส่ถุง
  1. เลือกส่วนผสมที่มีประโยชน์ เน้นการใช้ข้าวโพดสดแทนข้าวโพดกระป๋องเพื่อลดโซเดียม
  2. ลดปริมาณน้ำตาลในน้ำยำ เพื่อช่วยลดแคลอรี่รวม
  3. ใช้ผักสดเพิ่มความอิ่ม เช่น แตงกวา ผักกาดหอม ให้เยอะยิ่งขึ้น
  4. เลือกร้านที่มีการปรุงอย่างพิถีพิถัน หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องปรุงที่ไม่จำเป็น
  5. ขอปรับสูตรเป็นพิเศษ เช่นขอน้ำยำน้อย เพิ่มผัก
ทำกินเอง/ปรุงเอง
  1. ใช้น้ำยำทำจากมะนาวสดและน้ำปลาเล็กน้อย เพื่อควบคุมปริมาณโซเดียม
  2. เน้นข้าวโพดสดที่ไม่เติมเกลือ เป็นส่วนประกอบหลัก
  3. เพิ่มเส้นใยอาหารจากผักสดต่างๆ ที่ไม่มีแคลอรี่สูง
  4. ลดถั่วลิสง หรือเลือกใช้ถั่วที่ไม่ทอดเพื่อลดไขมัน
  5. เลือกใช้เครื่องครัวที่ลดน้ำมัน เพื่อหลีกเลี่ยงการใส่ไขมันเพิ่มเติม
ข้อควรระวังและอาการแพ้อาหาร: ยำข้าวโพดมีส่วนผสมหลายชนิดที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่มีอาการแพ้อาหาร โดยทั่วไปข้าวโพดอาจทำให้บางคนแพ้ได้ เช่นเดียวกับการใช้น้ำปลาที่มีแอนโชวี่ซึ่งเป็นปลาผสม ทั้งนี้การใส่ถั่วลิสงลงไปในยำก็อาจทำให้ผู้ที่แพ้ถั่วลิสงเผชิญหน้ากับความเสี่ยง ดังนั้นควรตรวจสอบประโยชน์และข้อควรระวังจากส่วนผสมที่ใช้ในยำข้าวโพดก่อนบริโภค เพื่อป้องกันการเกิดอาการแพ้ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
รู้หรือไม่? การลดแคลอรี่ในการบริโภคยำข้าวโพดสามารถทำได้โดยการปรับลดปริมาณเครื่องปรุงเช่นน้ำตาล และใช้น้ำปลาน้อยลง นอกจากนี้สามารถเพิ่มผักสดที่ไม่มีพลังงานสูงเพื่อเพิ่มปริมาณอาหาร หรือเลือกใช้ถั่วที่ไม่ได้ทอดเพิ่มไขมัน เพื่อให้ได้รับแคลอรี่น้อยลง อีกหนึ่งวิธีคือใช้ข้าวโพดที่ประกอบด้วยไฟเบอร์มากขึ้น ซึ่งจะให้อิ่มได้นานโดยไม่จำเป็นต้องบริโภคมาก

ค่าความอิ่ม

(Satiety Index)
75
%
ระดับสูง
กินแล้วอยู่ท้องนาน

ดัชนีน้ำตาล

(Glycemic Index)
55
คะแนน
ระดับค่า GI ปานกลาง
น้ำตาลในเลือดเพิ่มปานกลาง

เส้นใยอาหาร

(Dietary Fiber)
70
คะแนน
มีใยอาหารสูง
ช่วยควบคุมการย่อยได้ดี

ค่าพิวรีน

(Purine Content)
15
mg. ต่อ 100 กรัม
มีพิวรีนต่ำ
สำหรับควบคุมกรดยูริก

เป็นโรคเบาหวาน กินยำข้าวโพดได้ไหม?

ยำข้าวโพดมีค่าไกลซีมิกที่ค่อนข้างสูงและมีคาร์โบไฮเดรตจากข้าวโพด ซึ่งอาจทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แนะนำให้ผู้เป็นเบาหวานควรควบคุมปริมาณการบริโภคและปรับเปลี่ยนปริมาณส่วนผสมที่มีน้ำตาลสูงร่วมด้วย

เป็นโรคไต กินยำข้าวโพดได้ไหม?

ยำข้าวโพดอาจมีโซเดียมจากน้ำปลาในน้ำยำ ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคในปริมาณมาก หากมีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของไต ควรระมัดระวังและปรับปริมาณน้ำปลาในสูตรอาหาร

เป็นโรคหัวใจ กินยำข้าวโพดได้ไหม?

ยำข้าวโพดอาจมีปริมาณโซเดียมที่สูงจากน้ำยำ การบริโภคในปริมาณมากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูง แนะนำให้ลดส่วนผสมที่มีโซเดียมสูงหรือเลือกรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม

เป็นโรคความดันโลหิตสูง กินยำข้าวโพดได้ไหม?

ยำข้าวโพดมีสารโซเดียมจากน้ำปลาในน้ำยำ ที่อาจส่งผลต่อความดันโลหิต ดังนั้นควรปรับปริมาณเครื่องปรุงและลดโซเดียมในการทำอาหารเพื่อลดความเสี่ยง

เป็นโรคเก๊าท์ กินยำข้าวโพดได้ไหม?

ยำข้าวโพดมีปริมาณพิวรีนต่ำ ถือเป็นเมนูที่ปลอดภัยสำหรับผู้ที่มีภาวะเก๊าท์ อย่างไรก็ตามควรคุมปริมาณการบริโภคโดยเฉพาะเครื่องปรุงที่อาจจะมีน้ำตาลหรือโซเดียมสูง

เป็นโรคกระเพราะ กินยำข้าวโพดได้ไหม?

ยำข้าวโพดมีรสเปรี้ยวและเผ็ดจากน้ำยำ ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผู้ที่มีภาวะกระเพาะอาหารอักเสบ ควรลดปริมาณเครื่องปรุงที่มีความเป็นกรดและเผ็ดให้เหมาะสม

ข้อมูลอาจมีความแตกต่างกันไป ตามรูปแบบการปรุง และวัตถุดิบในการประกอบอาหาร รวมไปถึงปริมาณเฉลี่ยตามขนาดภาชนะในการจัดเตรียม
Thai RDI: ความต้องการพลังงานสำหรับคนไทย ที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป มีความต้องการพลังงานเฉลี่ยวันละ 2,000 กิโลแคลอรี่
เพศชาย ต้องการพลังงานมากกว่า เพศหญิง เนื่องจากเพศชายมักมีมวลกล้ามเนื้อและขนาดร่างกายที่ใหญ่กว่า ซึ่งทำให้ร่างกายต้องการพลังงานมากกว่า
การเรียกหน่วย แคลอรี่ kcal หรือ cal หรือ กิโลแคลอรี่ เพื่อใช้บอกพลังงานในอาหาร ในบริบทของการใช้จริง ให้นิยามได้ว่าเป็นหน่วยความหมายเท่ากัน