2 ธันวาคม 2567

ว่านหางจระเข้ พืชทางยา ช่วยบำรุงผิวพรรณ มีประโยชน์ทางโภชนาการมากมาย หาง่ายในไทย

ว่านหางจระเข้ หรือ Aloe vera
สรุปโดยย่อ: ว่านหางจระเข้ (Aloe vera) เป็นพืชที่มีสารอาหารหลากหลาย ทั้งน้ำ วิตามิน แร่ธาตุ เอนไซม์ กรดอะมิโน และสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และบำรุงผิว แร่ธาตุ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม สนับสนุนการทำงานของระบบประสาท และกล้ามเนื้อ เอนไซม์ช่วยย่อยอาหาร กรดอะมิโนช่วยในการสร้างโปรตีน ว่านหางจระเข้ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว การบริโภคว่านหางจระเข้ควรได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อลดความเสี่ยง
สารบัญเนื้อหา

ว่านหางจระเข้ หรือ Aloe vera เป็นพืชที่รู้จักกันดีในด้านคุณสมบัติทางยา ความสามารถในการช่วยบำรุงผิวพรรณ และสรรพคุณทางโภชนาการมากมาย พืชชนิดนี้มีการใช้ประโยชน์มานานหลายพันปี โดยเฉพาะในภูมิภาคเขตร้อนและแห้งแล้ง สารสกัดจากว่านหางจระเข้ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้งเครื่องสำอาง อาหารเสริม และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ซึ่งสารอาหารภายในว่านหางจระเข้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสนับสนุนสุขภาพในรูปแบบต่างๆ

สารอาหารในว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้มีสารอาหารที่หลากหลายที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ สารสำคัญที่พบในว่านหางจระเข้ประกอบด้วยน้ำ คาร์โบไฮเดรต วิตามิน แร่ธาตุ เอนไซม์ และกรดอะมิโน การศึกษาพบว่าในว่านหางจระเข้มีสารที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของร่างกายดังนี้

น้ำ

ส่วนประกอบหลักของว่านหางจระเข้คือน้ำ ซึ่งมีสัดส่วนถึงประมาณ 99% ของเจลว่านหางจระเข้ น้ำนี้เป็นแหล่งที่ช่วยในการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว และสนับสนุนการทำงานของระบบต่างๆ ภายในร่างกาย น้ำในว่านหางจระเข้ยังเป็นตัวนำพาสารอาหารอื่นๆ ช่วยให้สารเหล่านี้สามารถเข้าถึงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คาร์โบไฮเดรต

เจลว่านหางจระเข้มีคาร์โบไฮเดรตในรูปแบบของพอลิแซ็กคาไรด์ ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย พอลิแซ็กคาไรด์มีคุณสมบัติช่วยในการลดการระคายเคืองที่เกิดขึ้นในร่างกาย อีกทั้งยังมีส่วนในการสร้างเจลที่ช่วยบำรุงผิวหนังให้ชุ่มชื้นและลดอาการแพ้ต่างๆ ที่ผิวหนัง

วิตามิน

วิตามินที่พบในว่านหางจระเข้มีหลากหลาย เช่น วิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และยังช่วยบำรุงผิวพรรณ วิตามินบีรวมก็เป็นอีกหนึ่งสารอาหารที่สำคัญในว่านหางจระเข้ โดยวิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี6 และกรดโฟลิก ต่างมีบทบาทในการสนับสนุนการทำงานของระบบประสาท และกระบวนการเมตาบอลิซึมในร่างกาย

แร่ธาตุ

ว่านหางจระเข้เป็นแหล่งของแร่ธาตุต่างๆ ที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม และสังกะสี แคลเซียมช่วยในการบำรุงกระดูก และฟัน แมกนีเซียมเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อ และระบบประสาท โพแทสเซียมมีบทบาทในการรักษาสมดุลของของเหลวในร่างกาย และควบคุมความดันโลหิต ส่วนสังกะสีช่วยในการสร้างโปรตีนและเอนไซม์ต่างๆ ในร่างกาย

เอนไซม์

ว่านหางจระเข้มีเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยอาหาร เช่น อะไมเลส และไลเปส เอนไซม์เหล่านี้ช่วยในการสลายคาร์โบไฮเดรต และไขมันในอาหาร ส่งผลให้การย่อยอาหารมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งเอนไซม์ยังมีบทบาทในการขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ และช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้แข็งแรง

กรดอะมิโน

ในว่านหางจระเข้มีกรดอะมิโนมากกว่า 20 ชนิด ซึ่งรวมถึงกรดอะมิโนจำเป็น 8 ชนิดที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ กรดอะมิโนเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยในการสร้างโปรตีน และเอนไซม์ต่างๆ ในร่างกาย ช่วยสนับสนุนการเจริญเติบโตของเซลล์และเนื้อเยื่อ และยังช่วยในการฟื้นฟูเซลล์ที่เสียหาย

สารต้านอนุมูลอิสระ

ว่านหางจระเข้มีสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ เช่น วิตามินซี วิตามินอี และเบต้าแคโรทีน สารต้านอนุมูลอิสระมีบทบาทในการลดการอักเสบ และช่วยป้องกันความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระในร่างกาย โดยสารเหล่านี้มีความสำคัญในการปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย ส่งผลให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

กรดไขมัน

ว่านหางจระเข้ยังมีกรดไขมันหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย กรดไขมันเหล่านี้ช่วยในการบรรเทาการระคายเคือง และการอักเสบภายในร่างกาย อีกทั้งยังช่วยปรับสมดุลของระบบฮอร์โมน และส่งเสริมสุขภาพของระบบหัวใจและหลอดเลือด

ประโยชน์ด้านโภชนาการของว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้ไม่ได้มีเพียงคุณสมบัติในการบำรุงผิวพรรณเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งสารอาหารที่มีประโยชน์หลากหลาย การรับประทานเจลว่านหางจระเข้ในรูปแบบอาหารเสริมหรือเครื่องดื่มสามารถช่วยสนับสนุนระบบการย่อยอาหาร การดูดซึมสารอาหาร และการบำรุงสุขภาพทั่วไป สารอาหารที่มีอยู่ในว่านหางจระเข้ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ปรับสมดุลของร่างกาย และลดความเสี่ยงจากอนุมูลอิสระ

1. เพิ่มความชุ่มชื้นให้ร่างกาย

ว่านหางจระเข้มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งช่วยให้ร่างกายได้รับความชุ่มชื้นอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนหรือแห้ง

2. ช่วยระบบย่อยอาหาร

ว่านหางจระเข้มีเอนไซม์ช่วยย่อย เช่น อะไมเลสและไลเปส ซึ่งช่วยในการย่อยคาร์โบไฮเดรตและไขมัน ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการท้องอืดและท้องเฟ้อ

3. ส่งเสริมการดูดซึมสารอาหาร

ว่านหางจระเข้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุในลำไส้ โดยเฉพาะวิตามินซี วิตามินอี และแคลเซียม ซึ่งส่งผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกันและกระดูก

4. แหล่งสารต้านอนุมูลอิสระ

ว่านหางจระเข้มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินอี และเบต้าแคโรทีน สารเหล่านี้ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์และช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ

5. บำรุงสุขภาพผิว

วิตามินและสารอาหารในว่านหางจระเข้ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้น ลดการอักเสบ และช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูสดใสและสุขภาพดี

6. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

ว่านหางจระเข้มีพอลิแซ็กคาไรด์ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายสามารถป้องกันเชื้อโรคได้ดีขึ้น

7. ฟื้นฟูเซลล์และเนื้อเยื่อ

กรดอะมิโนที่มีอยู่ในว่านหางจระเข้ช่วยในการสร้างและฟื้นฟูเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ทำให้เนื้อเยื่อและผิวหนังสมานตัวได้เร็วขึ้น

8. ปรับสมดุลระบบขับถ่าย

ว่านหางจระเข้มีไฟเบอร์ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้เป็นปกติและลดอาการท้องผูก

9. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

มีการศึกษาบางส่วนที่ระบุว่าว่านหางจระเข้อาจช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเมื่อบริโภคอย่างเหมาะสม

10. ด้านหัวใจและหลอดเลือด

ว่านหางจระเข้มีกรดไขมันที่ช่วยลดการสะสมของไขมันในหลอดเลือด และช่วยปรับสมดุลระดับไขมันในร่างกาย

ว่านหางจระเข้ยังช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็น เช่น วิตามิน และแร่ธาตุจากธรรมชาติ ซึ่งการบริโภคว่านหางจระเข้ในรูปแบบน้ำว่านหางจระเข้ หรือในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีสารสกัดจากว่านหางจระเข้ช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในด้านของการใช้ภายนอก สารอาหารในว่านหางจระเข้ยังมีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ทำให้ผิวดูสดใส และสุขภาพดีขึ้น การใช้เจลว่านหางจระเข้ทาผิวสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง และสนับสนุนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ได้เป็นอย่างดี

ข้อควรระวังในการบริโภคว่านหางจระเข้

แม้ว่านหางจระเข้จะมีประโยชน์หลากหลายทั้งภายใน และภายนอก แต่ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม การบริโภคว่านหางจระเข้ในรูปแบบน้ำดื่มหรืออาหารเสริมควรได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ หรืออ่านคำแนะนำจากฉลากผลิตภัณฑ์อย่างรอบคอบ ทั้งนี้ ว่านหางจระเข้ที่ไม่ผ่านการสกัดหรือเตรียมอย่างถูกต้องอาจมีสารอะโลอิน (Aloin) ซึ่งเป็นสารที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในบางกรณี ดังนั้น การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าเชื่อถือ และผ่านการตรวจสอบคุณภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ

การใช้ว่านหางจระเข้กับผิวหนัง ควรทดสอบในพื้นที่เล็กๆ ของผิวก่อน เนื่องจากบางคนอาจมีความไวต่อเจลว่านหางจระเข้ หากมีอาการระคายเคืองควรหยุดใช้ทันที

ว่านหางจระเข้เป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และเต็มไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ เอนไซม์ และกรดอะมิโน การบริโภคว่านหางจระเข้ในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพ และสนับสนุนการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แหล่งอ้างอิง/งานวิจัย

  • เรื่อง: Aloe Vera: A Short Review. Indian Journal of Dermatology • เขียนโดย: Surjushe, Amar - 2008
  • เรื่อง: Evaluation of Biological Properties and Clinical Effectiveness of Aloe Vera • เขียนโดย: Radha, Maharshi H. - 2015
  • เรื่อง: Aloe Vera Leaf Gel: A Review Update. Journal of Ethnopharmacology • เขียนโดย: Reynolds, Tom - 2013

สามารถใช้ว่านหางจระเข้กับผิวได้ทุกวัน ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง และช่วยฟื้นฟูผิวที่แห้งหรือเสียหายได้ อย่างไรก็ตามควรทดสอบกับผิวบางส่วนก่อน เพื่อดูว่ามีอาการแพ้หรือไม่

ส่วนใหญ่แล้วว่านหางจระเข้ปลอดภัยเมื่อใช้ในปริมาณที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามการบริโภคว่านหางจระเข้ที่ไม่ผ่านการสกัดอย่างถูกต้อง อาจมีสารอะโลอิน (Aloin) ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองลำไส้ได้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าเชื่อถือ และปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลาก

ว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งสามารถช่วยลดการอักเสบของสิวได้ เจลจากว่านหางจระเข้ยังมีสารที่ช่วยบำรุงผิวและฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสียหาย ทำให้ผิวกลับมาเนียนนุ่มและสมานแผลจากสิวได้ดี นอกจากนี้ วิตามินอีและสารต้านอนุมูลอิสระในว่านหางจระเข้ช่วยลดรอยแดง รอยดำจากสิว และป้องกันการเกิดสิวซ้ำ อย่างไรก็ตาม การใช้ว่านหางจระเข้เพื่อรักษาสิวนั้นควรทำควบคู่กับการดูแลผิวหน้าอย่างถูกวิธี เช่น ล้างหน้าให้สะอาด และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขน รวมถึงต้องระวังการแพ้ เพราะบางคนอาจมีอาการแพ้ต่อว่านหางจระเข้ หากเกิดอาการระคายเคืองควรหยุดใช้ทันที

ว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติเย็น และช่วยลดอาการอักเสบ จึงมักถูกใช้ในการรักษาแผลไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก โดยเฉพาะแผลที่มีขนาดเล็กหรือระดับตื้น เจลจากว่านหางจระเข้ช่วยให้ผิวเย็นลง ลดการอักเสบ และช่วยเร่งการสมานแผล นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและป้องกันไม่ให้แผลแห้งหรือลอกเป็นขุย ซึ่งอาจช่วยลดโอกาสเกิดแผลเป็น อย่างไรก็ตาม หากเป็นแผลไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวกที่รุนแรงหรือขนาดใหญ่ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง ว่านหางจระเข้อาจช่วยได้ในบางกรณี แต่การรักษาทางการแพทย์เป็นสิ่งที่จำเป็นหากแผลมีความรุนแรง

การดื่มน้ำว่านหางจระเข้เพียงอย่างเดียวอาจไม่ทำให้ลดน้ำหนักได้โดยตรง แต่สามารถช่วยในกระบวนการลดน้ำหนักได้ ว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหาร และมีไฟเบอร์ที่ช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยล้างสารพิษและของเสียออกจากร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยให้ระบบการทำงานภายในร่างกายดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และมีการดูแลสุขภาพในภาพรวมอย่างเหมาะสม น้ำว่านหางจระเข้สามารถเป็นตัวช่วยเสริมได้ แต่ไม่ควรพึ่งเพียงแค่การดื่มน้ำว่านหางจระเข้ในการลดน้ำหนัก

แคลอรี่ของ ว่านหางจระเข้ (Aloe vera) ใน 100 กรัม

ให้พลังงาน
16 Kcal
(ต่อปริมาณ 100 กรัม)
ส่วนประกอบใน 100g.
คาร์โบไฮเดรต 4.5%
โปรตีน 0.1%
ไขมัน 0.05%
ใยอาหาร 0.3%
น้ำ 95%
ในว่านหางจระเข้ (Aloe vera) 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 16 กิโลแคลอรี่ (Kcal) หรือคิดเป็น 0.2 กิโลแคลอรี่ ต่อน้ำหนัก 1 กรัม

รู้หรือไม่?

ว่านหางจระเข้สามารถช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุในลำไส้ได้ การบริโภคเจลว่านหางจระเข้ในปริมาณที่เหมาะสม ช่วยสนับสนุนระบบย่อยอาหาร โดยเฉพาะการดูดซึมสารอาหารที่จำเป็น เช่น วิตามินซี วิตามินอี และแคลเซียม ซึ่งส่งผลดีต่อการบำรุงร่างกาย ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และลดการเกิดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการขาดสารอาหาร

เรื่องแนะนำ

บทความแนะนำ