สังกะสี (Zinc) คือ แร่ธาตุชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างมากต่อระบบการทำงานของร่างกาย โดยทำงานร่วมกับเอนไซม์กว่า 300 ชนิด เพื่อให้ร่างกายทำงานได้อย่างสมดุล สังกะสีนั้นจัดเป็นแร่ธาตุที่ไม่ให้พลังงาน เพราะเป็นเพียงตัวกำหนดบทบาทและการทำงานของร่างกาย และหากร่างกายได้รับปริมาณสังกะสีอย่างเพียงพอ ก็จะทำให้ระบบต่างๆ ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพได้เป็นอย่างดี
ปริมาณของสังกะสีที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวันอยู่ที่ประมาณ 1-2.5 กรัม โดยร้อยละ 90 ของสังกะสีภายในร่างกายจะอยูที่บริเวณกระดูกและกล้ามเนื้อ ส่วนอีกร้อยละ 10 จะอยู่บริเวณตับ ตับอ่อนและเลือด โดยหน้าที่หลักในการทำงานของสังกะสีก็คือ จะทำให้ระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเสริมสร้างการผลิตโปรตีนภายในร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค ทำให้ระบบสืบพันธุ์แข็งแรงและสมบูรณ์ เสริมสร้างการมองเห็น ช่วยให้แผลสมานเร็ว และป้องกันเซลล์ภายในร่างกายจากการถูกทำลายโดยสารอนุมูลอิสระ
แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยสังกะสี
การรับประทานอาหารที่มีปริมาณสังกะสีเพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายห่างไกลจากโรคภัยที่อาจจะเกิดขึ้น โดยอาหารที่สามารถพบสังกะสีได้ในปริมาณที่พอเหมาะ มีดังต่อไปนี้
- หอยนางรม
- จมูกข้าวสาลี
- แป้งงาและเนยงา
- ตับลูกวัว
- น้ำนมวัว
- ไข่แดง
- เมล็ดฟักทอง
- ถั่วลิสง
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์
- เนื้อสัตว์ทุกประเภท
- อาหารทะเล
- ผงโกโก้ และช็อกโกแลต
- เมล็ดแตงโม
- เนื้อวัวย่างแบบไม่ติดมัน
- มะม่วง และสับปะรด
- วุ้นเส้นไม่ฟอกขาว
- เมล็ดทานตะวัน
ภาวะการขาดสังกะสี
ภาวะการขาดสังกะสี สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อร่างกายรับประทานอาหารที่มีสังกะสีในปริมาณน้อย โดยมักจะพบได้ในผู้คนที่มีอาการท้องเสียเรื้อรัง เพราะร่างกายจะดูดซึมได้น้อยลง และยังสามารถพบได้ในคนที่ควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนัก เพราะเลือกรับประทานมากเกินไป ทำให้ร่างกายนำเนื้อเยื่อบางส่วนมาใช้เป็นพลังงาน จึงทำให้เกิดการสูญเสียสังกะสีมากขึ้น เช่นเดียวกับผู้สูงอายุที่รับประทานอาหารได้น้อยลง ก็มีโอกาสในการที่ร่างกายมีปริมาณสังกะสีน้อยลงเช่นกัน
ผู้ที่ขาดสังกะสีเป็นเวลานานจะมีอาการอย่างไร
สำหรับผู้ที่ขาดแร่ธาตุสังกะสีเป็นเวลานานๆ จะมีอาการแสดงแตกต่างกันออกไป ดังต่อไปนี้
- กระบวนการเจริญเติบโตของร่างกายทำงานช้าลง หากเกิดขึ้นในเด็ก ก็จะทำให้ร่างกายของเด็กแคะแกร็น ตัวเล็กกว่าปกติ
- รู้สึกเบื่ออาหาร การรับรู้รสชาติลดน้อยลง
- ผิวหนังมีอาการอักเสบ มีผื่นคัน และพัฒนาเป็นเม็ดพุพองตามร่างกาย
- อวัยวะเพศของเด็กไม่เติบโตขึ้นตามวัย
- ผมร่วง แห้งขาดง่าย แตกปลาย
- เล็บเปราะ แตกหักง่าย
- ผิวพรรณแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น
- มีอาการซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ขาดสมาธิ และเหม่อลอย
- มีอาการตาบอดแสง
ประโยชน์ของสังกะสีที่มีต่อสุขภาพร่างกาย
เมื่อร่างกายได้รับสังกะสีอย่างเพียงพอ ก็จะส่งผลให้เกิดประโยชน์ในด้านต่างๆ ดังนี้
- เสริมสร้างกระบวนการสร้างโปรตีนและคอลลาเจน
- เป็นส่วนประกอบสำคัญของเอนไซม์หลายชนิด และมีส่วนช่วยในการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ
- ช่วยควบคุมสมดุลความเป็นกรด-เบสในร่างกาย
- ควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อ
- ช่วยในการสร้างฮอร์โมนอินซูลิน
- ช่วยลดระยะเวลาของอาการเจ็บป่วยและบรรเทาอาการโรคหวัด
- มีส่วนช่วยในการเสริมสร้าง DNA
- เสริมสร้างการทำงานของสมองให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- ช่วยให้ต่อมลูกหมากทำงานได้อย่างเป็นปกติ
- ช่วยให้อวัยวะสืบพันธุ์เติบโตได้อย่างเต็มที่
- ดูแลบำรุงร่างกายในส่วนที่สึกหรอ
- ช่วยให้เด็กเล็กมีพัฒนาการการรับรู้รสชาติและการได้กลิ่นที่สมบูรณ์
- ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
- ช่วยให้ร่างกายมีกระบวนการสมานแผลที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
โทษจากการที่ร่างกายได้รับสังกะสีมากเกินไป
สังกะสีมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการก็จริง แต่ถ้าหากได้รับสังกะสีมากเกินไปก็อาจจะก่อให้เกิดโทษตามมาได้ เช่น หากได้รับสังกะสีมากเกิน 100 มิลลิกรัมต่อวัน จะทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายพุ่งสูงขึ้น เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด หากได้รับมากเกิน 200 มิลลิกรัมต่อวัน อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ รู้สึกเกร็งบริเวณหน้าท้อง และเกิดความผิดปกติบริเวณทางเดินอาหาร ดังนั้น หันมารับประทานอาหารที่ให้สังกะสีในปริมาณที่พอดีจะดีกว่า
กระบวนการในการทำงานของร่างกายนั้น ล้วนแล้วแต่จำเป็นต้องใช้สังกะสีเป็นส่วนประกอบ ดังนั้นร่างกายมนุษย์จึงควรได้รับปริมาณรแร่ธาตุสังกะสีที่เพียงพอ เพื่อให้หกระบวนการทำงานดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และลดอัตราการเกิดความผิดปกติในส่วนต่างๆ ซึ่งจะรับในปริมาณมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล รวมไปถึง เพศ วัย และภาวะของสุขภาพ