2 ธันวาคม 2567

แคลอรี่ใน แกงจืดเต้าหู้ไข่ มีกี่ Kcal

แกงจืดเต้าหู้ไข่

แกงจืดเต้าหู้ไข่ คืออาหารประเภทซุปที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย ประกอบด้วยเต้าหู้ไข่ที่ทำจากไข่และถั่วเหลืองให้ความหวานจากไข่และมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวล โดยปกติจะแกงในน้ำซุปผักที่มีส่วนผสมเช่นผักกาดขาว แครอท เห็ด และสารอาหารจากโปรตีนเช่นเนื้อหมูสับหรือเนื้อไก่เพื่อเพิ่มความหอมและรสชาตินอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มเกลือ ซีอิ้วขาว หรือซอสถั่วเหลืองเพื่อเพิ่มรสชาติได้ตามความชอบ แกงจืดเต้าหู้ไข่มีคุณค่าทางโภชนาการที่สมดุลเหมาะสำหรับมื้ออาหารของทุกวัย ทั้งยังเป็นเมนูอาหารที่มีพลังงานต่ำและมีความเข้ากันได้ดีกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือผู้ที่ค้นหาอาหารที่มีประโยชน์สำหรับสุขภาพ ด้วยความหวานเป็นธรรมชาติจากผักและความอร่อยจากเต้าหู้ไข่ทำให้เมนูนี้เป็นที่ชื่นชอบในหลายๆ ครัวเรือน

โดยเฉลี่ยปริมาณ แกงจืดเต้าหู้ไข่ 1 ถ้วย (200 กรัม) ให้พลังงาน

= 150 KCAL

(หรือคิดเป็น 75 Kcal ต่อปริมาณ 100 กรัม)
ใน 1 ถ้วยประกอบด้วยไขมัน 8 g.
⋅ พลังงานจากไขมัน = 72 กิโลแคลอรี่
⋅ เฉพาะไขมันคิดเป็น 11% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
หมายเหตุ: รวมน้ำซุป
แกงจืดเต้าหู้ไข่

สัดส่วนสารอาหารหลัก

(สัดส่วนของสารอาหารที่ให้พลังงานกับร่างกาย)

แหล่งที่มาของแคลอรี่

(แบ่งสัดส่วนของ Kcal ที่ได้รับจากวัตถุดิบในอาหาร)
เต้าหู้ไข่ 25%
เนื้อหมูสับ 20%
น้ำซุป 18%
ผักกาดขาว 15%
แครอท 12%
เห็ด 10%
เต้าหู้ไข่เป็นส่วนประกอบที่มีแคลอรี่สูงสุดในแกงจืดเต้าหู้ไข่ ส่วนที่รองลงมาคือเนื้อหมูสับ น้ำซุป ผักกาดขาว แครอท เห็ด และสุดท้ายคือซอสถั่วเหลือง โดยส่วนผสมเหล่านี้มีคุณค่าทางโภชนาการที่แตกต่างกันออกไปแต่ทั้งหมดนี้รวมกันแล้วให้พลังงานที่สมดุลและเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ

ปริมาณโซเดียมใน แกงจืดเต้าหู้ไข่

เฉลี่ยใน 1 ถ้วย
450 - 500
(มิลลิกรัม)
จัดอยู่ในกลุ่มอาหารที่โซเดียม ปานกลาง
แกงจืดเต้าหู้ไข่ 1 ถ้วย (200 กรัม)
มีโซเดียมประมาณ 450-500 มิลลิกรัม
คิดเป็น 20-25% ของปริมาณโซเดียมที่แนะนำต่อวัน
"แกงจืดเต้าหู้ไข่มีปริมาณโซเดียมที่มาจากซอสถั่วเหลืองและเกลือที่ใส่ในน้ำซุป โดยการ จำกัดปริมาณซอสถั่วเหลืองหรือเลือกใช้ซอสที่มีโซเดียมต่ำสามารถลดปริมาณโซเดียมในอาหารได้"
องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้บริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม ต่อวัน

วิตามิน/เกลือแร่ที่พบได้ใน แกงจืดเต้าหู้ไข่

ในแกงจืดเต้าหู้ไข่ 1 ถ้วย มีสารอาหารประเภทวิตามินและเกลือแร่ที่พบบ่อยดังนี้
วิตามิน/เกลือแร่ ปริมาณใน 1 จาน %RDI ต่อวัน ได้รับจาก
วิตามินเอ 350.0 ไมโครกรัม 40% แครอท
วิตามินซี 20.0 มิลลิกรัม 22% ผักกาดขาว
แคลเซียม 150.0 มิลลิกรัม 15% เต้าหู้ไข่
ธาตุเหล็ก 3.0 มิลลิกรัม 17% เนื้อหมูสับ
โพแทสเซียม 300.0 มิลลิกรัม 8% เห็ด
% RDI ต่อวัน หมายถึง สัดส่วนของสารอาหาร ที่ได้รับจากอาหาร เทียบกับปริมาณที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน

กินแกงจืดเต้าหู้ไข่ 1 ถ้วย ให้พลังงาน 150 แคลอรี่ ต้องเบิร์นแค่ไหน?

เดินเร็ว

ใช้เวลา 0.5 ชั่วโมง

วิ่งจ๊อกกิ้ง

ใช้เวลา 0.3 ชั่วโมง

ว่ายน้ำ

ใช้เวลา 0.3 ชั่วโมง

ปั่นจักรยาน

ใช้เวลา 0.3 ชั่วโมง

ควรเลือกกิจกรรมที่เหมาะสม และเพิ่มความต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน เพื่อให้การเผาผลาญมีประสิทธิภาพมากขึ้น

กินแกงจืดเต้าหู้ไข่ให้ได้พลังงานน้อยที่สุด

สำหรับผู้ที่ต้องการกินเพื่อสุขภาพ ลดน้ำหนัก หรือควบคุมอาหาร
กินที่ร้าน/ซื้อใส่ถุง
  1. เลือกร้านอาหารที่เน้นใช้วัตถุดิบสดใหม่ ร้านที่เลือกใช้ผักและเต้าหู้สดใหม่มีแนวโน้มจะมีการปรุงที่ใช้ซอสและเกลือน้อยกว่าเพื่อรักษารสชาติธรรมชาติ
  2. ขอให้พ่อครัวลดปริมาณซอส การขอให้ลดปริมาณซอสถั่วเหลืองหรือน้ำมันในซุปช่วยลดแคลอรี่และโซเดียมได้
  3. เลือกชามเล็ก การเลือกขนาดชามที่เล็กกว่าช่วยควบคุมปริมาณแคลอรี่ที่บริโภคได้
  4. งดเนื้อสัตว์หรือเลือกเนื้อปลานึ่ง โดยหลีกเลี่ยงเนื้อหมูหรือเลือกเพิ่มเนื้อปลาแทนซึ่งมีแคลอรี่น้อยกว่า
  5. ขอเพิ่มผัก ขอให้พ่อครัวเพิ่มผักซึ่งเพิ่มเส้นใยอาหารและทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น
ทำกินเอง/ปรุงเอง
  1. เลือกเต้าหู้ไข่ไขมันต่ำ เพื่อการลดแคลอรี่ในการปรุง
  2. ใช้ซุปผักแทนน้ำมัน การใช้ซุปผักช่วยให้ได้รสชาติธรรมชาติและลดแคลอรี่
  3. เพิ่มผักหลากหลาย ใช้ผักหลายชนิดเพื่อเพิ่มไฟเบอร์และสารอาหาร
  4. ไม่ใส่เนื้อหมู หากต้องการเนื้อ ให้เลือกใช้เนื้อไก่หรือปลาที่มีแคลอรี่น้อยกว่า
  5. เตรียมซอสถั่วเหลืองในปริมาณน้อย และเลือกชนิดที่มีปริมาณโซเดียมต่ำ
ข้อควรระวังและอาการแพ้อาหาร: แกงจืดเต้าหู้ไข่เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้อาหารหลายรูปแบบเนื่องจากไม่มีส่วนผสมที่พบทั่วไปในอาหารที่ก่อให้เกิดการแพ้หลายชนิด อย่างไรก็ตามเต้าหู้ไข่ทำจากถั่วเหลืองหรือไข่ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการแพ้ในบางคน ดังนั้นก่อนการบริโภคควรแน่ใจว่าไม่มีการแพ้ต่อส่วนผสมนี้ นอกจากนี้ยังควรตรวจสอบส่วนผสมอื่นๆในซุปที่อาจมีสารก่อภูมิแพ้เนื่องจากทางร้านหรือผู้จัดทำอาจใช้วัตถุดิบที่มีการตัดแต่งปะปนมาได้
รู้หรือไม่? การลดแคลอรี่ในแกงจืดเต้าหู้ไข่สามารถทำได้โดยเลือกใช้วัตถุดิบที่มีไขมันต่ำ เช่น เต้าหู้ไข่ไขมันต่ำ ใช้เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และใช้ผักมากขึ้น นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการเติมเครื่องปรุงที่มีแคลอรี่สูงเช่นซอสถั่วเหลืองมากเกินไป และควรเลือกใช้วิธีการทำอาหารที่ใช้น้ำซุปผักล้วนไม่ปรุงรสมาก

ค่าความอิ่ม

(Satiety Index)
70
%
ระดับสูง
กินแล้วอยู่ท้องนาน

ดัชนีน้ำตาล

(Glycemic Index)
25
คะแนน
ระดับค่า GI ต่ำ
น้ำตาลในเลือดเพิ่มช้าคงที่

เส้นใยอาหาร

(Dietary Fiber)
65
คะแนน
มีใยอาหารปานกลาง
หรือมีใยอาหารพอสมควร

ค่าพิวรีน

(Purine Content)
15
mg. ต่อ 100 กรัม
มีพิวรีนต่ำมาก
แทบไม่มีผลต่อกรดยูริก

เป็นโรคเบาหวาน กินแกงจืดเต้าหู้ไข่ได้ไหม?

แพทย์แนะนำให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานบริโภคอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ ซึ่งแกงจืดเต้าหู้ไข่มี ส่วนผสมเช่นผักมีใยอาหารช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล แต่ผู้ป่วยจำเป็นต้องระวังปริมาณโซเดียมในซอสและเลือกใช้วัตถุดิบที่สดใหม่

เป็นโรคไต กินแกงจืดเต้าหู้ไข่ได้ไหม?

ผู้ป่วยโรคไตควรระวังปริมาณโซเดียมและโพแทสเซียมในอาหาร แกงจืดเต้าหู้ไข่มีปริมาณโซเดียมจากน้ำซุปและซอสถั่วเหลืองซึ่งอาจไม่เหมาะสม แต่สามารถปรับลดลงได้ด้วยการเลือกใช้ซอสที่มีปริมาณโซเดียมน้อย

เป็นโรคหัวใจ กินแกงจืดเต้าหู้ไข่ได้ไหม?

แกงจืดเต้าหู้ไข่มีคุณค่าทางโภชนาการที่สมดุลและไขมันต่ำซึ่งเหมาะสมสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ โดยควรระวังปริมาณโซเดียมจากซอสถั่วเหลืองและเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพลดโอกาสเกิดปัญหาทางระบบหัวใจ

เป็นโรคความดันโลหิตสูง กินแกงจืดเต้าหู้ไข่ได้ไหม?

ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงจำเป็นต้องควบคุมปริมาณโซเดียม และซุปที่มีส่วนผสมเช่นซอสถั่วเหลืองควรใช้ในปริมาณจำกัด หรือเลือกใช้ซอสที่มีปริมาณโซเดียมน้อยเฉพาะกรณีจำเป็น

เป็นโรคเก๊าท์ กินแกงจืดเต้าหู้ไข่ได้ไหม?

แกงจืดเต้าหู้ไข่มีปริมาณพิวรีนต่ำซึ่งทำให้เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์ แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้เนื้อสัตว์ที่มีพิวรีนสูง และสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากพืชเป็นส่วนประกอบเพิ่มเส้นใยอาหารเพื่อช่วยลดระดับกรดยูริค

เป็นโรคกระเพราะ กินแกงจืดเต้าหู้ไข่ได้ไหม?

ผู้ที่มีโรคกระเพาะสามารถกินแกงจืดเต้าหู้ไข่ได้เนื่องจากมีส่วนผสมที่ย่อยง่ายและไม่ระคายเคืองต่อระบบย่อยอาหาร โดยสามารถเลือกปรับส่วนผสมเพิ่มผักที่ช่วยลดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารได้

ข้อมูลอาจมีความแตกต่างกันไป ตามรูปแบบการปรุง และวัตถุดิบในการประกอบอาหาร รวมไปถึงปริมาณเฉลี่ยตามขนาดภาชนะในการจัดเตรียม
Thai RDI: ความต้องการพลังงานสำหรับคนไทย ที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป มีความต้องการพลังงานเฉลี่ยวันละ 2,000 กิโลแคลอรี่
เพศชาย ต้องการพลังงานมากกว่า เพศหญิง เนื่องจากเพศชายมักมีมวลกล้ามเนื้อและขนาดร่างกายที่ใหญ่กว่า ซึ่งทำให้ร่างกายต้องการพลังงานมากกว่า
การเรียกหน่วย แคลอรี่ kcal หรือ cal หรือ กิโลแคลอรี่ เพื่อใช้บอกพลังงานในอาหาร ในบริบทของการใช้จริง ให้นิยามได้ว่าเป็นหน่วยความหมายเท่ากัน