2 ธันวาคม 2567

แคลอรี่ใน หมูผัดกะปิ มีกี่ Kcal

หมูผัดกะปิ

หมูผัดกะปิ คือเมนูอาหารไทยที่ปรุงด้วยหมูผัดกับกะปิ ซึ่งเป็นเครื่องปรุงรสที่มีความเข้มข้นเฉพาะตัว โดยกะปิจะให้รสชาติที่เค็มและเข้ากันได้ดีเมื่อผสมกับเนื้อหมูและส่วนประกอบต่างๆ นอกเหนือจากกะปิและหมูแล้ว จะมีการใช้เครื่องเคียงอย่างพริกสด กระเทียม หอมแดงเพื่อเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอม หมูผัดกะปิเป็นเมนูที่นิยมรับประทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ความอร่อยของหมูผัดกะปิขึ้นอยู่กับความพิถีพิถันในการเลือกใช้กะปิซึ่งมีหลายเกรด ที่สำคัญการปรุงหมูผัดกะปินั้นควรจะคงไว้ซึ่งความเข้มข้นของกะปิและความนุ่มของเนื้อหมู ทำให้เมื่อรับประทานสามารถสัมผัสได้ถึงความกลมกล่อมภายในคำเดียวจึงทำให้เมนูนี้เป็นที่นิยมทั้งในครัวเรือนและร้านอาหาร

โดยเฉลี่ยปริมาณ หมูผัดกะปิ 1 จาน (200 กรัม) ให้พลังงาน

= 450 KCAL

(หรือคิดเป็น 225 Kcal ต่อปริมาณ 100 กรัม)
ใน 1 จานประกอบด้วยไขมัน 25 g.
⋅ พลังงานจากไขมัน = 225 กิโลแคลอรี่
⋅ เฉพาะไขมันคิดเป็น 36% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
หมูผัดกะปิ

สัดส่วนสารอาหารหลัก

(สัดส่วนของสารอาหารที่ให้พลังงานกับร่างกาย)

แหล่งที่มาของแคลอรี่

(แบ่งสัดส่วนของ Kcal ที่ได้รับจากวัตถุดิบในอาหาร)
หมู 40%
กะปิ 30%
น้ำมัน 15%
กระเทียม 10%
พริก 5%
แคลอรี่ในหมูผัดกะปิมีหลักๆ มาจากหมู ซึ่งให้พลังงานสูงที่สุดถึง 40% รองลงมาคือกะปิที่มีสัดส่วนแคลอรี่ 30% และน้ำมันที่ใช้ผัดมีแคลอรี่ 15% ส่วนกระเทียมและพริกมีสัดส่วนแคลอรี่รวมกันเพียง 15% ทำให้เมนูนี้เหมาะสมกับผู้ที่ต้องการพลังงานสูง และควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม

ปริมาณโซเดียมใน หมูผัดกะปิ

เฉลี่ยใน 1 จาน
600 - 800
(มิลลิกรัม)
จัดอยู่ในกลุ่มอาหารที่โซเดียม สูง
หมูผัดกะปิ 1 จาน (200 กรัม)
มีโซเดียมประมาณ 600-800 มิลลิกรัม
คิดเป็น 25-35% ของปริมาณโซเดียมที่แนะนำต่อวัน
"หมูผัดกะปิมีปริมาณโซเดียมสูง เนื่องจากกะปิและซีอิ๊วที่ใช้ในการปรุงรสมีปริมาณโซเดียมที่สูง ทำให้เมนูนี้มีรสชาติที่เค็มเป็นเอกลักษณ์ แต่ควรรระวังในการรับประทานโดยเฉพาะกับผู้ที่ต้องควบคุมปริมาณโซเดียม"
องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้บริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม ต่อวัน

วิตามิน/เกลือแร่ที่พบได้ใน หมูผัดกะปิ

ในหมูผัดกะปิ 1 จาน มีสารอาหารประเภทวิตามินและเกลือแร่ที่พบบ่อยดังนี้
วิตามิน/เกลือแร่ ปริมาณใน 1 จาน %RDI ต่อวัน ได้รับจาก
วิตามินบี 1 0.8 มิลลิกรัม 15% กะปิ
วิตามินบี2 0.6 มิลลิกรัม 10% หมู
เหล็ก 2.5 มิลลิกรัม 18% หมู
แคลเซียม 100.0 มิลลิกรัม 10% กะปิ
แมกนีเซียม 30.0 มิลลิกรัม 12% กะปิ
% RDI ต่อวัน หมายถึง สัดส่วนของสารอาหาร ที่ได้รับจากอาหาร เทียบกับปริมาณที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน

กินหมูผัดกะปิ 1 จาน ให้พลังงาน 450 แคลอรี่ ต้องเบิร์นแค่ไหน?

เดินเร็ว

ใช้เวลา 1.5 ชั่วโมง

วิ่งจ๊อกกิ้ง

ใช้เวลา 0.8 ชั่วโมง

ว่ายน้ำ

ใช้เวลา 0.9 ชั่วโมง

ปั่นจักรยาน

ใช้เวลา 0.9 ชั่วโมง

ควรเลือกกิจกรรมที่เหมาะสม และเพิ่มความต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน เพื่อให้การเผาผลาญมีประสิทธิภาพมากขึ้น

กินหมูผัดกะปิให้ได้พลังงานน้อยที่สุด

สำหรับผู้ที่ต้องการกินเพื่อสุขภาพ ลดน้ำหนัก หรือควบคุมอาหาร
กินที่ร้าน/ซื้อใส่ถุง
  1. เลือกใช้เนื้อหมูไม่ติดมัน ลดแคลอรี่ด้วยการเลือกใช้เนื้อหมูที่มีไขมันต่ำ ทำให้จานมีปริมาณไขมันน้อยลง
  2. ลดปริมาณน้ำมัน ขอให้ร้านลดปริมาณน้ำมันที่ใช้ในการผัดหรือใช้วิธีการผัดด้วยน้ำแทน
  3. เพิ่มผัก ขอให้ร้านใส่ผักหลากชนิด เช่น บวบ หรือผักกาดขาว เพื่อเพิ่มใยอาหารลดความหิว
  4. ไม่เพิ่มกะปินอกจาน กะปิมีโซเดียมสูง ควรหลีกเลี่ยงการขอกะปิเพิ่ม
  5. เลือกวิธีการปรุงพิเศษ เช่น การนึ่งแทนการผัด เพื่อลดการใช้น้ำมัน
ทำกินเอง/ปรุงเอง
  1. เลือกใช้เนื้อหมูส่วนที่ไขมันน้อย เช่น สันในหรือสันนอก
  2. ลดปริมาณน้ำมัน ในสูตร โดยใช้น้ำแทนการผัดในบางส่วน
  3. เพิ่มผักชนิดต่างๆ เช่น แครอท บวบ เพื่อเพิ่มปริมาณอาหารและลดไขมัน
  4. ใช้กะปิแต่น้อย เพื่อควบคุมโซเดียมและแคลอรี่ ไม่จำเป็นต้องใช้ในปริมาณมาก
  5. ใช้น้ำซุปเนื้อหมูในการต้ม แทนน้ำมันเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความหอม
ข้อควรระวังและอาการแพ้อาหาร: หมูผัดกะปิเป็นอาหารที่มีส่วนประกอบหลากหลาย ซึ่งมีโอกาสก่อให้เกิดอาการแพ้ โดยเฉพาะส่วนประกอบอย่างกะปิที่ทำจากกุ้งหรือปลาแห้ง ซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้โดยทั่วไปควรระวังหากมีอาการแพ้ทะเล หมูและเครื่องปรุงอื่นๆ เช่น ซีอิ๊วพริกที่ใช้เป็นส่วนประกอบก็อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ในบางคน ดังนั้น ผู้ที่มีประวัติแพ้อาหารควรจะระวังในการรับประทานหรือพิจารณาเลือกวัตถุดิบในการปรุงที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
รู้หรือไม่? เพื่อให้การรับประทานหมูผัดกะปิส่งเสริมสุขภาพและลดแคลอรี่ ควรลดปริมาณการใช้น้ำมันที่ใช้ในการผัด เลือกใช้เนื้อหมูแบบไม่ติดมัน และเพิ่มปริมาณผักสดในจาน อาจเลือกใช้ไฟอ่อนเพื่อให้การผัดเป็นไปอย่างช้าๆ ซึ่งจะช่วยให้ส่วนประกอบต่างๆ เต็มรสชาติโดยไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องปรุงที่มีแคลอรี่สูง

ค่าความอิ่ม

(Satiety Index)
70
%
ระดับสูง
กินแล้วอยู่ท้องนาน

ดัชนีน้ำตาล

(Glycemic Index)
40
คะแนน
ระดับค่า GI ปานกลาง
น้ำตาลในเลือดเพิ่มปานกลาง

เส้นใยอาหาร

(Dietary Fiber)
50
คะแนน
มีใยอาหารปานกลาง
หรือมีใยอาหารพอสมควร

ค่าพิวรีน

(Purine Content)
150
mg. ต่อ 100 กรัม
มีพิวรีนสูง
ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ควรหลีกเลี่ยง

เป็นโรคเบาหวาน กินหมูผัดกะปิได้ไหม?

หมูผัดกะปิสามารถรับประทานได้สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน แต่ควรระวังในเรื่องของปริมาณโซเดียมและไขมัน ซึ่งอาจส่งผลให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น การเลือกใช้น้ำตาลหรือน้ำมันในปริมาณที่ต่ำจะช่วยควบคุมการบริโภคให้สอดคล้องกับระดับน้ำตาลในเลือดที่ต้องการ

เป็นโรคไต กินหมูผัดกะปิได้ไหม?

หมูผัดกะปิมีระดับโซเดียมสูงจากกะปิและซีอิ๊ว จึงควรระวังในการรับประทานสำหรับผู้ป่วยโรคไต เนื่องจากโซเดียมสามารถเพิ่มความดันในเลือดและส่งผลให้ทำงานหนักขึ้น ควรเลือกส่วนผสมที่โซเดียมน้อยและเพิ่มการบริโภคผักเพื่อลดผลกระทบต่อไต

เป็นโรคหัวใจ กินหมูผัดกะปิได้ไหม?

สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ ควรระวังในเรื่องของไขมันและโซเดียมในหมูผัดกะปิ แม้ว่าเมนูนี้จะมีประโยชน์จากโปรตีน แต่ก็มีไขมันสูงจากหมูและน้ำมันผัด ควรเลือกวัตถุดิบที่ไขมันต่ำและลดปริมาณเกลือที่ใช้

เป็นโรคความดันโลหิตสูง กินหมูผัดกะปิได้ไหม?

แม้หมูผัดกะปิจะไม่ใช่อาหารที่มีความหวานสูง แต่ปริมาณโซเดียมจากกะปิและเครื่องปรุงรสจะส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น จึงควรรับประทานในปริมาณที่จำกัดและหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันหรือกะปิที่เกินความจำเป็น

เป็นโรคเก๊าท์ กินหมูผัดกะปิได้ไหม?

สำหรับผู้ที่เป็นโรคเก๊าท์ ควรระวังการรับประทานหมูผัดกะปิ เนื่องจากมีพิวรีนสูงจากเนื้อหมู ซึ่งอาจเป็นสาเหตุในการเพิ่มปริมาณกรดยูริคในเลือด ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมและเน้นผักเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพ

เป็นโรคกระเพราะ กินหมูผัดกะปิได้ไหม?

หมูผัดกะปิสามารถรับประทานได้สำหรับผู้ที่มีโรคกระเพาะ แต่ควรระมัดระวังในการปรุงที่มีรสจัดหรือเครื่องปรุงที่อาจระคายเคืองกระเพาะ เช่น พริกและน้ำมันที่มากเกินไป การเน้นส่วนผสมที่ย่อยง่ายเช่นผักหรือเลือกใช้น้ำซุปที่อ่อนโยนจะช่วยลดผลกระทบต่อกระเพาะอาหาร

ข้อมูลอาจมีความแตกต่างกันไป ตามรูปแบบการปรุง และวัตถุดิบในการประกอบอาหาร รวมไปถึงปริมาณเฉลี่ยตามขนาดภาชนะในการจัดเตรียม
Thai RDI: ความต้องการพลังงานสำหรับคนไทย ที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป มีความต้องการพลังงานเฉลี่ยวันละ 2,000 กิโลแคลอรี่
เพศชาย ต้องการพลังงานมากกว่า เพศหญิง เนื่องจากเพศชายมักมีมวลกล้ามเนื้อและขนาดร่างกายที่ใหญ่กว่า ซึ่งทำให้ร่างกายต้องการพลังงานมากกว่า
การเรียกหน่วย แคลอรี่ kcal หรือ cal หรือ กิโลแคลอรี่ เพื่อใช้บอกพลังงานในอาหาร ในบริบทของการใช้จริง ให้นิยามได้ว่าเป็นหน่วยความหมายเท่ากัน